ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันนี้ (2 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จนเป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นอัลฟาเบทและหุ้นแอมะซอน รวมทั้งรายงานที่ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,687.48 จุด เพิ่มขึ้น 475.57 จุด หรือ +1.57% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,826.31 จุด เพิ่มขึ้น 52.45 จุด หรือ +1.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,612.78 จุด เพิ่มขึ้น 209.38 จุด หรือ +1.56%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซนต์ในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.2563 โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า รัฐบาลสหรัฐจะสามารถผลักดันการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จนเป็นผลสำเร็จ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มว่าปธน.ไบเดนจะพยายามผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของสภาคองเกรส แม้เผชิญเสียงท้วงติงเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากสมาชิกรัฐสภาทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2563 ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็ปรับตัวลงเช่นกัน
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทั้งหมด นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่พุ่งขึ้น 2.5% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.57% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 3.06% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 4.85% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 4.46%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.10% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.874%
หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.11% หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.38% ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2563 หลังตลาดปิดทำการ โดยนักลงทุนคาดว่า ผลประกอบการของทั้งสองบริษัทจะออกมาแข็งแกร่ง
ข้อมูล IBES data จาก Refinitiv บ่งชี้ว่า บรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่มีการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 แล้ว มีจำนวนกว่า 80% ที่รายงานตัวเลขรายได้และกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีบริษัทเทคโนโลยีราว 97% ที่รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดตัวขึ้น 1.58% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/2563 กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขกำไรที่ปรับค่าตามฤดูกาลแล้วนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าการคาดการณ์
หุ้น GameStop ปิดตลาดดิ่งลง 60.01% ส่งผลให้ราคาหุ้น GameStop ทรุดตัวลงไปแล้วกว่า 70% นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาด หลังจากที่ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.