ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) ขานรับประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทอัลฟาเบท รวมทั้งตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,723.60 จุด เพิ่มขึ้น 36.12 จุด หรือ +0.12% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,830.17 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,610.54 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.02%
ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 22.30 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 15.90 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 5.690 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ซึ่งอยู่ที่ 5.313 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโฆษณาที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ หุ้นอัลฟาเบทปิดตลาดพุ่งขึ้น 7.28% หลังจากที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่ดีเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ซึ่งระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49,000 ตำแหน่ง
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 4.27% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 5.47% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.92% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.18% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.48%
หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2% และเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากนายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของแอมะซอนประกาศลาออกจากตำแหน่ง และนายแอนดี้ แจสซี ซีอีโอในธุรกิจ Amazon Web Services จะเข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนนายเบซอส
ข่าวการลาออกของนายเบซอสได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่แอมะซอนเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 1.2556 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.197 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รายได้ของแอมะซอนพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
หุ้น GameStop ดีดตัวขึ้น 2.12% หลังบริษัทประกาศเสริมทัพผู้บริหารจากแอมะซอน และผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งคาดว่าจะช่วยพัฒนาการค้าและรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ GameStop แทนที่จะพึ่งพารายได้จากลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านเพียงอย่างเดียว
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะจัดการประชุมวาระพิเศษร่วมกับผู้นำในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) เพื่อหารือเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดหุ้นซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนรายย่อยปั่นราคาหุ้น GameStop และหุ้นของบริษัทอื่นๆ
นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครตที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ ด้วยความหวังที่จะผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของสภาคองเกรส แม้เผชิญเสียงท้วงติงเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากสมาชิกพรรครีพับลิกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 58.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2562 จากระดับ 57.7 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.8
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบเกือบ 6 ปี จากระดับ 54.8 ในเดือนธ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.