ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 21.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,849.52 จุด บวก 125.92 จุด หรือ 0.41%
หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.5% ในการซื้อขายวันนี้ หลังมีข่าวว่า แอปเปิลใกล้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทฮุนไดและเกีย มอเตอร์ เพื่อผลิต "แอปเปิล คาร์" ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ที่โรงงานของเกีย มอเตอร์ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา
ตลาดได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 779,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 830,000 ราย จากระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 193,000 ราย สู่ระดับ 4.6 ล้านราย หลังจากที่พุ่งแตะระดับ 24.9 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.2563 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจ และปลดพนักงานจำนวนมาก
ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกสภาคองเกรส โดยหวังที่จะผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภา แม้เผชิญเสียงท้วงติงจากสมาชิกพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดหุ้นซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนรายย่อยปั่นราคาหุ้น GameStop และหุ้นของบริษัทอื่นๆ
ทั้งนี้ นางเยลเลนจะเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก และคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) เข้าร่วมการประชุมวันนี้
นางเยลเลนตัดสินใจจัดการประชุมดังกล่าว หลังจากราคาหุ้น GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ทะยานขึ้นถึง 1,625% ในเดือนม.ค. เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยในห้อง WallStreetBets ซึ่งมีสมาชิกกว่า 7.6 ล้านรายบนเว็บบอร์ด Reddit ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า
ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้น 400% ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้เฮดจ์ฟันด์ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก โดยคาดว่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 570,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น GameStop ดิ่งลง 60% สู่ระดับ 90 ดอลลาร์ขณะปิดตลาดวันอังคาร หลังจากร่วงลง 30% เมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงมากกว่า 70% นับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว
หลายฝ่ายกังวลกันว่า หากหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นต่อไป ก็จะทำให้เฮดจ์ฟันด์พากันเทขายหุ้นอื่นในตลาดเพื่อระดมเงินมาชดเชยผลขาดทุนจากการเก็งกำไรใน GameStop
นอกจากนี้ ปรากฎการณ์ GameStop ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด ซึ่งหากฟองสบู่แตก ก็จะสร้างความตื่นตระหนก และกระทบนักลงทุนรายย่อยอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดอันเนื่องจากหุ้น GameStop ยังได้ทำให้คณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศจัดการไต่สวนในวันที่ 18 ก.พ.