ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับผลประกอบการที่สดใส และตัวเลขเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,487.68 จุด บวก 111.85 จุด หรือ 0.35%
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กในวันนี้ เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้ เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย โดยจะเป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐ ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นของบริษัท ทวิตเตอร์ อิงค์ และโคคา โคลาต่างดีดตัวขึ้น หลังเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2563
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% เช่นกันในเดือนธ.ค.
ดัชนี CPI ยังคงอยู่ในระดับต่ำในเดือนม.ค. โดยถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้กระทบต่อตลาดแรงงานและภาคบริการ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.5% เมื่อเทียบรายปี
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สภาคองเกรสให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแบบ fast track โดยใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า budget reconciliation ซึ่งจะปูทางให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสามารถให้การรับรองงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 สำหรับการผ่านกฎหมายทั่วไป และทำให้ปธน.ไบเดนสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะสามารถลงมติให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง