ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,437.80 จุด เพิ่มขึ้น 61.97 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,909.88 จุด ลดลง 1.35 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,972.53 จุด ลดลง 35.16 จุด หรือ -0.25%
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนหลังจากนายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า เฟดต้องการเห็นตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 1.20 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับย้ำว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
อย่างไรก็ดี การที่นายพาวเวลไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟดนั้น ทำให้นักลงทุนรู้สึกผิดหวัง และส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 0.94% โดยหุ้นเป๊ปซี่โค ร่วงลง 1.36% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวลง 0.33% หุ้นไทสัน ฟูดส์ ลดลง 0.32%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีและโยกย้ายการลงทุนไปยังธุรกิจประเภทอื่นๆที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 2.6% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ปรับตัวลง 0.56% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.39% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.46%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.84% ขานรับราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 8 วันทำการ โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.72% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.97% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.85%
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 13.2% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 38 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 31 เซนต์/หุ้น
หุ้นโคคา โคล่า ปรับตัวลง 0.18% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 8.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.63 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 2.1% แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไร 1.93 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2563 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.64 ดอลลาร์/หุ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี CPI เดือนม.ค.นับว่ายังอยู่ในระดับต่ำ โดยถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้กระทบต่อตลาดแรงงานและภาคบริการ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ย. ขณะเดียวกันข้อมูลของกระทรวงฯระบุว่า เจ้าของธุรกิจจะใช้เวลา 1.29 เดือนในการขายสินค้าจนหมดสต็อก ลดลงจากระดับ 1.31 เดือนในเดือนพ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน