ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ต่อเนื่องจากการดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวานนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ย้ำว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 78 จุด หรือ 0.25% สู่ระดับ 31,406 จุด
นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เสร็จสิ้นการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/63 มีจำนวนมากกว่า 80% ที่รายงานตัวเลขรายได้และกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัววานนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กว่า เฟดต้องการเห็นตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 1.20 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับย้ำว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
ราคาหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ cannabis ซึ่งเป็นพืชในสกุลกัญชงและกัญชา ต่างพุ่งขึ้นวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากนักลงทุนรายย่อยกลุ่มเดียวกับที่เคยปั่นราคาหุ้น GameStop ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นักลงทุนรายย่อยในห้อง WallStreetBets ซึ่งมีสมาชิกกว่า 7.6 ล้านรายบนเว็บบอร์ด Reddit ต่างโพสต์ข้อความชักชวนสมาชิกรายอื่นให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่ม cannabis โดยเชื่อมั่นว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะดีดตัวขึ้น จากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต จะออกกฎหมายเพื่อให้มีการนำ cannabis มาใช้ได้อย่างถูกกฎหมาย
การแห่เข้าซื้อหุ้นกลุ่ม cannabis ส่งผลให้ราคาหุ้น Tilray พุ่งขึ้น 50% วานนี้ และทะยานขึ้นมากกว่า 670% จากต้นปีนี้, หุ้น Canopy Growth พุ่ง 6% วานนี้ และทะยานขึ้น 110% จากต้นปีนี้ ส่วนหุ้น Aphria พุ่ง 10% วานนี้ และทะยานขึ้น 280% จากต้นปีนี้ ขณะที่หุ้น Aurora Cannabis พุ่ง 20% วานนี้ และทะยานขึ้นมากกว่า 120% จากต้นปีนี้
นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนการดีดตัวของหุ้นกลุ่ม cannabis ยังมาจากแนวโน้มการควบกิจการกันระหว่างบริษัท Tilray และ Aphria
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เตือนว่าการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่ม cannabis ดังกล่าว อาจสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน และจะร่วงลงในที่สุดเหมือนราคาหุ้น GameStop
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 793,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 760,000 ราย แต่ต่ำกว่าระดับ 812,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 145,000 ราย สู่ระดับ 4.54 ล้านราย หลังจากที่พุ่งแตะระดับ 24.9 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.2563 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจ และปลดพนักงานจำนวนมาก