ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร รวมทั้งความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,522.75 จุด เพิ่มขึ้น 64.35 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,932.59 จุด ลดลง 2.24 จุด หรือ -0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,047.50 จุด ลดลง 47.97 จุด หรือ -0.34%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันสองวันทำการ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขณะนี้ปธน.ไบเดนกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการดังกล่าวเพื่อที่จะมอบเช็คเงินสด 1,400 ดอลลาร์แก่ชาวอเมริกัน และเพิ่มเงินชดเชยให้แก่ประชาชนที่ตกงาน
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.26% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.01% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.05% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 3.58% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.21%
ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดจนถึงขั้นติดลบได้ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่า อุตสาหกรรมพลังงานจะได้ประโยชน์เมื่อสหรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.79% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.41% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ บวก 1.93% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.81%
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น หลังจากราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 50,000 ดอลลาร์ครั้งแรกเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้น Long Blockchain พุ่งขึ้น 11.52% หุ้น Riot Blockchain พุ่งขึ้น 20.74% หุ้น Marathon Patent พุ่งขึ้น 13.26 % หุ้น Silvergate Capital บวก 8.3%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงและเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.61% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลบ 0.27% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.53% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวลง 0.3%
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงบริษัทฮิลตัน เวิลด์ไวด์ โฮลดิ้งส์, ไฮแอท โฮเทล คอร์ป, แมริออท อินเตอร์เนชันแนล และ TripAdvisor
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณเมื่อเร็วๆนี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้น 8.6 จุด แตะระดับ 12.1 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9 โดยดัชนีมีค่าเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 เพราะได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจยังคงมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.