ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้ออาจจะปรับตัวขึ้น และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นนั้น กระตุ้นให้นักลงทุนถอนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นไปลงทุนในพันธบัตรแทน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 416.10 จุด ลดลง 3.10 จุด หรือ -0.74%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,765.84 จุด ลดลง 20.69 จุด หรือ -0.36%, ดัชนี DAX ปิดที่ 13,909.27 จุด ลดลง 155.33 จุด หรือ -1.10% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,710.90 จุด ลดลง 37.96 จุด หรือ -0.56%
ตลาดถูกกดดัน หลังจากอังกฤษเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค. ซึ่งความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นในระยะสั้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่า บรรดาธนาคารกลางขนาดใหญ่อาจจะคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 และความล่าช้าในการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในยูโรโซน ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการเข้าซื้อหุ้น เพื่อรอธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นเคอริ่ง ร่วง 7.15%, หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วง 3.9% และหุ้นไบเออร์สดอร์ฟ ร่วง 5.9%