ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,493.34 จุด ลดลง 119.68 จุด หรือ -0.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,913.97 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,865.36 จุด ลดลง 100.14 จุด หรือ -0.72%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 861,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 773,000 ราย
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่ส่งสัญญาณถึงภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 1.4% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ดัชนีราคานำเข้าเดือนม.ค.ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1%
นักวิเคราะห์จากบริษัทคอมมอนเวลธ์ ไฟแนนเชียล เน็ตเวิร์ก ในเมืองบอสตันของสหรัฐกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง หลังจากที่หุ้นเหล่านี้ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.27% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 3.38% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.57% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.96% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.72%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) ร่วงลง 1.45% หุ้นเทสลา ดิ่งลง 1.35% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.86% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.57% หุ้นอินเทล ปรับลง 0.4%
หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.53% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวเฟซบุ๊กปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้งานในออสเตรเลียสามารถเข้าถึงข่าวสารทั้งหมด เพื่อตอบโต้รัฐบาลออสเตรเลียที่พยายามเร่งให้มีการบังคับใช้กฎหมาย Media Code ซึ่งจะบีบให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น กูเกิลและเฟซบุ๊ก ต้องจ่ายเงินให้กับบรรดาบริษัทสื่อท้องถิ่นเมื่อมีการนำคอนเทนต์ของสื่อเหล่านั้นไปใช้
หุ้นวอลมาร์ท ดิ่งลง 6.67% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.51 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้น GameStop ร่วงลง 11.43% ขณะที่นักลงทุนจับตาสภาคองเกรสเปิดฉากไต่สวนกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในปรากฎการณ์ GameStop ที่สร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวรวมถึงผู้บริหารของ Robinhood บริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์, ผู้บริหารของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ได้แก่ Citadel และ Melvin Capital และผู้จัดการเว็บบอร์ด Reddit ซึ่งมีการเปิดห้องแชท WallStreetBets สำหรับนักลงทุนรายย่อยจำนวนกว่า 7.6 ล้านราย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 6.0% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.580 ล้านยูนิต ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.658 ล้านยูนิต
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ร่วงลงสู่ระดับ 23.1 ในเดือนก.พ. จากระดับ 26.5 ในเดือนม.ค. โดยการปรับตัวลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่นักลงทุนลดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.พ.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.