ขอแก้ไขหัวข้อข่าวจาก "ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 559.85 จุด เหตุนลท.ขายหุ้นเทคโนฯ-ซื้อบอนด์" เป็น "ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 559.85 จุด เหตุนลท.ขายหุ้นเทคโนฯ กังวลบอนด์ยีลด์พุ่ง" และแก้ไขเนื้อหาข่าวในย่อหน้าแรกจาก "นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาเพื่อนำเงินไปลงทุนในตลาดพันธบัตรสหรัฐ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นอย่างมาก" เป็น "นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นอย่างมาก" โดยเนื้อหาที่แก้ไขแล้วเป็นดังนี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) และดัชนี Nasdaq ดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นอย่างมาก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,402.01 จุด ร่วงลง 559.85 จุด หรือ -1.75%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,829.34 จุด ร่วงลง 96.09 จุด หรือ -2.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,119.43 จุด ร่วงลง 478.54 จุด หรือ -3.52%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีราคาสูงออกมาเพื่อทำกำไร ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.53%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด ขณะที่ยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐ และใกล้จะสิ้นสุดฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐแล้ว
หุ้นแอปเปิล, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์, อัลฟาเบท, เฟซบุ๊ก และเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลงราว 1.9-2.9%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสื่อสารในดัชนี S&P500 ร่วงลง 3.9% และ 2.3% ตามลำดับ
หุ้นเทสลา อิงค์ ร่วง 5.5% หลังสื่อรายงานว่า เทสลาจะหยุดการผลิตรถยนต์ชั่วคราวที่โรงงานประกอบรถยนต์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
แต่หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 4.6% สวนทางตลาด หลังคาดการณ์ว่า บริษัทจะมียอดขายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ราว 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงสู่ระดับ 730,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.1% โดยปรับตัวดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.0% และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค.
ส่วนสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจจะทรงตัวในเดือนดังกล่าว