ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุดในวันนี้ จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่าสหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อหลังการเปิดเศรษฐกิจ
ณ เวลา 01.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,946.09 จุด ลบ 324.00 จุด หรือ 1.04%
นายพาวเวลกล่าวว่า การที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลยืนยันว่า การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และยังไม่มีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายพาวเวลระบุว่า การที่ภาวะเงินเฟ้อจากราคาสินค้าดูเหมือนดีดตัวขึ้น เนื่องจากมีการเปรียบเทียบกับฐานซึ่งอยู่ในระดับต่ำมากในปีที่แล้ว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า การที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น เศรษฐกิจจะต้องมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อจะต้องอยู่เหนือระดับ 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งเขาไม่คาดว่าภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปีนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.5% ในวันนี้ หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวล
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถยนต์ของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้เม็ดเงินในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีความวิตกว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะลดความน่าดึงดูดของการลงทุนในหุ้น ทำให้นักลงทุนหันเข้าสู่ตลาดพันธบัตร