ดัชนีดาวโจนส์ทะยานกว่า 400 จุดในวันนี้ ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเดวิด เทปเปอร์ ผู้จัดการ Appaloosa Management กองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ของสหรัฐ
ณ เวลา 22.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,904.01 จุด บวก 407.71 จุด หรือ 1.29%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น พลังงาน ธนาคาร และธุรกิจค้าปลีก ต่างปรับตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับมาดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังดิ่งลงก่อนหน้านี้
นางเยลเลนกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีทรัพยากรที่เพียงพอในการผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
"นี่เป็นร่างกฎหมายที่จะช่วยเยียวยาชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเราคาดว่าเราจะมีทรัพยากรที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง" นางเยลเลนกล่าว
นางเยลเลนคาดการณ์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะทำให้สหรัฐมีการจ้างงานเต็มศักยภาพกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในปีหน้า
ต่อข้อถามที่ว่า การใช้จ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป จะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่ นางเยลเลนกล่าวว่า ตนไม่คาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น "แต่ถ้าหากทำให้เกิดเงินเฟ้อ เราก็ยังมีเครื่องมือในการรับมือปัญหาดังกล่าว ซึ่งเราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด"
ทางด้านนายเทปเปอร์กล่าวแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในขณะนี้ ขณะที่เขามองว่าแรงเทขายในตลาดพันธบัตรสหรัฐจนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นนั้น จะยุติลงในที่สุด
ที่ผ่านมา นักลงทุนมักให้ความสนใจต่อคำกล่าวของนายเทปเปอร์ และคำพูดของเขามักสามารถขับเคลื่อนตลาดหุ้น
นายเทปเปอร์ยังระบุว่า ความเสี่ยงในตลาดได้เบาบางลงแล้ว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะสั้น
"ผมคิดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้แกว่งตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้การซื้อหุ้นในขณะนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น" นายเทปเปอร์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 1.6% ในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
นายเทปเปอร์เชื่อว่า ญี่ปุ่นจะกลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอีกครั้ง หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งคำสั่งซื้อดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดพันธบัตรมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ นายเทปเปอร์ยังแนะนำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดิ่งลงในขณะนี้ ทำให้ราคามีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น
นายเทปเปอร์ยังระบุว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเพิ่งผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาสหรัฐ
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 50 ต่อ 49 ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ ประกอบด้วยงบประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันคนละ 1,400 ดอลลาร์ โดยเป็นการให้เงินช่วยเหลือครั้งเดียว นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงมาตรการช่วยเหลือคนว่างงานต่อเนื่องสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์ โดยครอบคลุมชาวอเมริกันราว 9.5 ล้านรายที่ตกงานอันเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19
วุฒิสภาสหรัฐจะส่งกลับร่างกฏหมายที่อนุมัติแล้วให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐพิจารณาทบทวนในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ ก็จะส่งต่อไปยังปธน.ไบเดนเพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. เพื่อดูท่าทีของเฟดต่อแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อจากการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ