ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้
ณ เวลา 18.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 102 จุด หรือ 0.32% สู่ระดับ 31,913 จุด
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติต่อร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ก็จะมีการส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขเงินเฟ้อในวันนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.พ. ซึ่งดัชนี CPI ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนี CPI จะดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หรือ 1.7% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าในเดือนม.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.3% และ 1.4% ตามลำดับ
ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งทะลุระดับ 1.6% แตะระดับสูงสุดในปีนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถยนต์ของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้เม็ดเงินในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์กันว่า เงินเฟ้อจะเร่งตัวมากขึ้นจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวในวันนี้