ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ทะลุแนว 32,000 จุดในวันนี้ ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ณ เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,142.27 จุด บวก 309.53 จุด หรือ 0.97%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้
ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และชะลอตัวลง เมื่อเทียบรายปี
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไปดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปพุ่งขึ้น 1.7% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.7% เมื่อเทียบรายปี
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐาน ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐาน ชะลอตัวสู่ระดับ 1.3% ในเดือนก.พ. หลังจากดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดช่วงบวกในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ก็จะมีการส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดนจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีทรัพยากรที่เพียงพอในการผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และจะทำให้การจ้างงานของสหรัฐกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในปีหน้า
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค. เพื่อดูท่าทีของเฟดต่อแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ