ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ และขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า พร้อมที่จะเร่งการพิมพ์เงินเพื่อสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 424.17 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.49%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 6,033.76 จุด เพิ่มขึ้น 43.21 จุด หรือ +0.72% และดัชนี DAX ปิดที่ 14,569.39 จุด เพิ่มขึ้น 29.14 จุด หรือ +0.20% ส่วนดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,736.96 จุด เพิ่มขึ้น 11.36 จุด หรือ +0.17%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว หลังได้แรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ และจากการที่สภาคองเกรสของสหรัฐอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ ECB ระบุว่า จะใช้โครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโรในการซื้อพันธบัตรเพื่อสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วเกินไป
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวขึ้นจากความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ความผัวผวนที่ลดลงในตลาดพันธบัตรได้หนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ หุ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, เหมืองแร่ รวมถึงกลุ่มการเดินทางและสันทนาการปรับตัวขึ้นนำตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงมากที่สุด โดยหุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 4.7%