ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการล็อกดาวน์รอบใหม่และความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ถ่วงตลาดลงมากที่สุด
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,699.19 จุด ลดลง 26.91 จุด หรือ -0.40%
ตลาดถูกกดดันจากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการระบาดรอบ 3 ของโรคโควิด-19 ในยุโรป และอัตราการฉีดวัคซีนที่ชะลอลง เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนวัคซีน
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ถ่วงตลาดลงมากที่สุด โดยเฉพาะหุ้นบีพีและเชลล์ซึ่งร่วงลง 3.7% และ 3.3% ตามลำดับ หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการร่วงลงด้วย โดยหุ้น IAG เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์, หุ้นอินเตอร์คอนติเนนทัล, หุ้นวิซแอร์ และหุ้นอีซีเจ็ต ร่วงลงราว 0.58-3.38% หลังมีรายงานว่า นายแมตต์ แฮนค็อก รมว.สาธารณสุขของอังกฤษเปิดเผยว่า จะสั่งปรับประชาชนที่พยายามจะเดินทางไปต่างประเทศก่อนสิ้นเดือนมิ.ย.เป็นเงิน 5,000 ปอนด์ (6,900 ดอลลาร์)
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า ร่วงลง 1.8% หลังหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐเปิดเผยว่า แอสตร้าเซนเนก้าอาจให้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากการทดลองครั้งใหญ่ในสหรัฐ