ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังยุโรปประกาศล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 รวมถึงข่าวที่รัฐบาลสหรัฐอาจปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,465.86 จุด ร่วงลง 530.06 จุด หรือ -1.83% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,954.52 จุด ลดลง 542.86 จุด หรือ -1.90%
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนนี้ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอด้านภาษีเพื่อที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายในโครงการลงทุนระยะยาวซึ่งจะมีขึ้นในไม่ช้านี้ โดยหนึ่งในข้อเสนอด้านภาษีที่ปธน.ไบเดนจะพิจารณานั้นคือ การปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 28% โดยในปัจจุบันภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำสุดในบรรดากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการล็อกดาวน์รอบใหม่และความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วยุโรป โดยล่าสุดนั้น เยอรมนีได้ประกาศขยายเวลาการใช้มาตรการล็อกดาวน์ออกไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย. จากเดิมถึงวันที่ 28 มี.ค.นี้ และประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ อีกหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการห้ามทำกิจกรรมในที่สาธารณะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดอัตราการติดเชื้อโรคโควิด-19 ภายในประเทศ