ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,171.37 จุด เพิ่มขึ้น 98.49 จุด หรือ +0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,971.09 จุด ลดลง 3.45 จุด หรือ -0.09% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,059.65 จุด ลดลง 79.08 จุด หรือ -0.60%
หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.31% และเป็นปัจจัยหนุนดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากโบอิ้งบรรลุข้อตกลงขายเครื่องบินรุ่น 737 MAX จำนวน 100 ลำให้กับสายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ซึ่งถือเป็นยอดขายจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่เครื่องบินรุ่นดังกล่าวถูกสั่งห้ามบินในสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว
หุ้นบริษัทรายใหญ่บางแห่งที่อยู่ในกลุ่ม 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ดีดตัวขึ้น และมีส่วนช่วยหนุนดาวโจนส์ปิดในแดนบวกได้แก่ หุ้นโคคา-โคลา ดีดตัวขึ้น 1.53% หุ้นวอลมาร์ท ปรับตัวขึ้น 1.14% หุ้นเวอริซอน คอมมูนิเคชัน เพิ่มขึ้น 1.12%
อย่างไรก็ดี การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้ฉุดดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงกดดันหลังจากเครดิตสวิสและโนมูระเปิดเผยว่า ทางธนาคารอาจเผชิญการขาดทุนมูลค่ามหาศาล หลังจากบริษัท Archegos Capital ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐ ผิดนัดชำระการเพิ่มเงินประกัน (Margin Call)
ทั้งนี้ หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 3.32% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.69% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.55% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.96% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.97%
หุ้นตัวอื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท Archegos Capital ปรับตัวลงด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นดิสคัฟเวอร์รี อิงค์ ร่วงลง 1.60% หุ้นเวียคอมซีบีเอส ดิ่งลง 6.68% หุ้นไป่ตู้ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 1.87%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.57% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.18% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.51% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.59%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากบริษัทจำนวนมากทำการปรับพอร์ทก่อนปิดงบการเงินประจำไตรมาส 1/2564
นักลงทุนจับตาแผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภควงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยคาดว่าเขาจะเปิดเผยโครงการดังกล่าวในวันพุธนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ. และยอดขายรถยนต์เดือนมี.ค.