ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งจะเปิดเผยแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในวันนี้ พร้อมกับจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,066.96 จุด ลดลง 104.41 จุด หรือ -0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,958.55 จุด ลดลง 12.54 จุด หรือ -0.32% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,045.40 จุด ลดลง 14.25 จุด หรือ -0.11%
นักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 1.77% แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อคืนนี้ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.23% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1.44% หุ้นอินเทล ลดลง 1.13% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 0.66% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.97% หุ้น Nvidia ปรับตัวลง 0.59%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสายการบิน หลังจากสหรัฐมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน โดยหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 2.78% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.22% หุ้นโบอิ้ง บวก 0.51% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 5.28% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.36% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 1.56%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า กรณีที่บริษัทเฮดจ์ฟันด์ Archegos Capital Management ผิดนัดชำระหนี้ในการวางหลักประกันการลงทุนเพิ่ม (Margin Call) นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.01% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.47% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.57% หุ้นเจพีมอร์แกน บวก 1.18% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.75% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.94%
หุ้น PayPal Holdings ดีดตัวขั้น 0.37% หลังจากบริษัทประกาศเริ่มรับสกุลเงินคริปโตจากลูกค้าในการซื้อสินค้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 109.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563 จากระดับ 90.4 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 96.9
ทางด้านผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 11.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี
นักลงทุนจับตาแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยคาดว่าเขาจะเปิดเผยโครงการดังกล่าวในวันนี้ (31 มี.ค.)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ. และยอดขายรถยนต์เดือนมี.ค.