ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเรือสำราญ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,446.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,079.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด หรือ +0.15% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,688.84 จุด ลดลง 9.54 จุด หรือ -0.07%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมของวันที่ 16-17 มี.ค. โดยระบุว่า เฟดอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะเริ่มปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ ขณะเดียวกันเฟดได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมกับย้ำว่า เฟดจะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดี โรเบิร์ต พาฟลิค นักวิเคราะห์จากบริษัทดาโกตาเวลธ์ ในรัฐคอนเนกติกัต กล่าวว่า รายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุดนี้แทบไม่ต่างจากรายงานครั้งก่อน และนักลงทุนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ารายงานการประชุมเฟดจะไม่มีอะไรใหม่ ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับในช่วงแรก ก่อนที่จะลดแรงบวกลงในช่วงท้าย
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.75% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 2.89% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ลดลง 1.01% หุ้นอัลโค คอร์ป ร่วงลง 1.26%
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าหุ้นเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ บวก 0.15% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 1.40% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ บวก 0.34% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้น 0.74%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารดีดตัวขึ้น 0.72% นำโดยหุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 2.99% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.23% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.45% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.35% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 1.72% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.34%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับ 7.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.