ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,503.57 จุด เพิ่มขึ้น 57.31 จุด หรือ +0.17% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,097.17 จุด เพิ่มขึ้น 17.22 จุด หรือ +0.42% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,829.31 จุด เพิ่มขึ้น 140.47 จุด หรือ +1.03%
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.42% โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.92% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 1.34% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.39% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.23% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 1.4%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนั้น ได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.64% เมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 744,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 694,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงสูงกว่าระดับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งไม่เคยสูงเกินระดับ 700,000 ราย
ขณะเดียวกันการพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐยังทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป จนกว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐจะขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ โดยการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ด้วย
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวานนี้ว่า ราคาจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งมีสาเหตุจากการใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นของสหรัฐขณะเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ แต่นายพาวเวลคาดว่าราคาที่ดีดตัวขึ้นนั้นจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.91% ขานรับรายงานข่าวที่ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เสนอแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า คิดเป็นมูลค่า 1.74 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.03% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.12% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.33% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 2.18%
หุ้น Canopy Growth บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ cannabis ซึ่งเป็นพืชในตระกูลกัญชา ร่วงลง 4.8% หลังจาก Canopy Growth ประกาศว่าจะซื้อกิจการบริษัท Supreme Cannabis ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโตรอนโตของแคนาดา ในวงเงินรวม 432 ดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 345.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.