ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงการรายงาน GDP ของจีนในไตรมาส 1/64 ที่ขยายตัว 18.3% เมื่อเทียบรายปี
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 29,682.66 จุด เพิ่มขึ้น 39.97 จุด หรือ +0.13% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,808.23 จุด เพิ่มขึ้น 15.09 จุด หรือ +0.05%
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 18.3% แตะระดับ 24.93 ล้านล้านหยวน (ราว 3.82 ล้านล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 1/2564 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากฐานที่ระดับต่ำในช่วงต้นปี 2563 เมื่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
NBS ระบุว่า ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง, ยอดขายในตลาดเพิ่มขึ้น, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรฟื้นตัว และการค้าสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนได้หดตัวลง 6.8% ในไตรมาส 1/2563 เนื่องจากผลกระทบของโรคโควิด-19 แต่ด้วยการควบคุมไวรัสอย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจจีนจึงสามารถกลับมาฟื้นตัวแบบรูปตัววี (V-shaped) ได้ 3 ไตรมาสติดต่อกันในปีที่แล้ว (3.2% ในไตรมาส 2, 4.9% ในไตรมาส 3 และ 6.5% ในไตรมาส 4)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.8% ในเดือนมี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9% หลังจากที่ปรับตัวลง 2.7% ในเดือนก.พ. โดยการดีดตัวขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.เป็นผลมาจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดสรรงบประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันโดยตรงคนละ 1,400 ดอลลาร์ รวมถึงสถานการณ์ด้านสาธารณสุขที่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในวงกว้าง