ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ โดยความวิตกกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,821.30 จุด ลดลง 256.33 จุด หรือ -0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,134.94 จุด ลดลง 28.32 จุด หรือ -0.68% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,786.27 จุด ลดลง 128.50 จุด หรือ -0.92%
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แสดงความกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนถึงการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในประชาชนทุกกลุ่มอายุ นอกจากนี้ การแพร่ระบาดในระยะหลังมีอัตราที่รวดเร็วขึ้น โดยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 หนึ่งล้านรายแรกใช้เวลา 9 เดือน สองล้านรายใช้เวลา 4 เดือน ก่อนจะแตะสามล้านรายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
นักวิเคราะห์จากบริษัทเวดบุช ซิเคียวริตีส์ในเมืองลอสแอนเจลิสของสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนเริ่มหมดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการเดินทางและธุรกิจที่พักอาศัย เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักทั่วโลกอาจทำให้การเปิดเศรษฐกิจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้
หุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มธุรกิจเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรมร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 5.48% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ทรุดลง 8.53% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.68% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 4.35% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 3.23% หุ้นไฮแอท โฮเทลส์ คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 3% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ดิ่งลง 4.01%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.87% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.11% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.16% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 4.4%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงแม้ธนาคารายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.78% หุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 2.21% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.39% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.27% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 3.05%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 2.33% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ 2.59 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.34 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นเฟซบุ๊ก ขยับขึ้น 0.14% หลังนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมให้บริการ Live Audio Rooms ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเปิดห้องสนทนาเช่นเดียวกับแอปพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง Clubhouse นอกจากนี้ เฟซบุ๊กจะให้บริการ Soundbites ซึ่งผู้สนใจจะสามารถรับฟังคลิปเสียงสั้นๆ โดยจะเริ่มการทดลองให้บริการดังกล่าวในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมี.ค.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมารฺ์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย. หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 มี.ค. โดยระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน