ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐมีแผนปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนเพิ่มอีกเกือบสองเท่า โดยข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ ปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในอินเดียยังกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,462.09 จุด ลดลง 3.02 จุด หรือ -0.09%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,939.12 จุด ลดลง 249.05 จุด หรือ -0.85% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,798.45 จุด เพิ่มขึ้น 43.11 จุด หรือ +0.15%
รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ไบเดนจะเสนอให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีส่วนเพิ่ม (marginal income tax rate) จาก 37% เป็น 39.6% และปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) เพิ่มอีกเกือบ 2 เท่า จาก 20% เป็น 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี
นักวิเคราะห์จากบริษัทเกรท ฮิลล์ แคปิตอลในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐกล่าวว่า แม้ข้อเสนอบางส่วนอาจเป็นเรื่องยากที่จะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส แต่หากข้อเสนอนี้ผ่านมติสภา ดัชนีดาวโจนส์อาจดิ่งลงรุนแรงถึง 2,000 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทคิงส์วิว อินเวสต์เมนท์ เมเนจเมนท์ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า หลังจากสื่อตีข่าวว่าปธน.ไบเดนเสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีกำไรจากการลงทุน นักลงทุนก็ตื่นตระหนก และเทขายหุ้นออกมาทันที
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นภาษีของปธน.ไบเดนได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 547,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 603,000 ราย
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยวานนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 314,835 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเป็น 15,930,965 ราย ขณะเดียวกันพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2,104 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 184,657 ราย