ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,981.57 จุด ลดลง 61.92 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,187.62 จุด เพิ่มขึ้น 7.45 จุด หรือ +0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,138.78 จุด เพิ่มขึ้น 121.97 จุด หรือ +0.87%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.64% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.94% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 1.06% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.23%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นเทสลา ดีดขึ้น 1.21% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.04% หุ้นแอปเปิล บวก 0.30% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.63% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.43%
รายงานระบุว่า ขณะนี้ บริษัท 25% ในดัชนี S&P 500 ได้เสร็จสิ้นการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 1 แล้ว โดยมีจำนวน 84% ที่รายงานตัวเลขกำไรเป็นบวก ขณะที่ 77% รายงานรายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น หลังราคาบิตคอยน์ดีดตัวทะลุระดับ 53,000 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวที่ว่าเจพีมอร์แกนเตรียมจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์สำหรับลูกค้าในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง โดยหุ้น Riot Blockchain พุ่งขึ้น 6.26% หุ้น Marathon Patent เพิ่มขึ้น 5.7% หุ้น Silvergate Capital บวก 0.76%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 0.8% แม้มีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกคำแนะนำให้ระงับใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแล้ว เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า วัคซีนดังกล่าวมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการใช้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 เม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ 0% และเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. หลังจากลดลง 0.9% ในเดือนก.พ.
ทางด้านเฟดสาขาดัลลัสเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสร่วงลงสู่ระดับ 34 จุดในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งแตะระดับ 48.0 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อ 17 ปีก่อน อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงมีค่าเป็นบวก ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในเท็กซัส
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ราคาบ้านเดือนก.พ.จากเอสแอด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จาก Conference Board, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนมี.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน