ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการที่ธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยความเสียหายที่ได้รับจากการปล่อยกู้ให้กับ Archegos ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายหุ้นล็อตใหญ่ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมตินโยบายการเงินในวันพุธนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ในวงกว้างว่า เฟดจะยังคงตรึงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 439.85 จุด ลดลง 0.35 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,273.76 จุด ลดลง 1.76 จุด หรือ -0.03% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,249.27 จุด ลดลง 47.07 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,944.97 จุด ลดลง 18.15 จุด หรือ -0.26%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง แม้หุ้นกลุ่มเดินทางพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การเดินทางจะฟื้นตัวขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นสุดลง
การซื้อขายในตลาดเป็นไปในช่วงแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนรอผลการประชุมเฟด รวมถึงการส่งสัญญาณถึงการคุมเข้มนโยบายการเงินในที่สุด
ตลาดถูกกดดัน แม้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยหุ้นบีพีของอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกพุ่งขึ้นและวางแผนซื้อหุ้นคืน ขณะที่ธนาคารเอชเอสบีซี เพิ่มขึ้น 4.2% หลังรายงานผลกำไรที่สดใส
หุ้นกลุ่มเดินทางของยุโรปดีดตัวขึ้น 3.0% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่ปรับตัวขึ้น
หุ้นยูบีเอส ร่วงลง 2.0% สู่ระดับปิดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังเปิดเผยว่า ธนาคารเสียหายจากกรณี Archegos สูงเกินคาดถึง 774 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเกินคาด 14% ในไตรมาสแรก
หุ้นมิเชลินและหุ้นแอร์บัสของฝรั่งเศส ลดลง 1.60% และ 1.43% ตามลำดับ, หุ้นไฮเดลเบิร์กซีเมนต์และหุ้นไบเออร์ของเยอรมนี ลดลง 1.53% และ 1.00% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเอวีลา กรุ๊ป และหุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ของอังกฤษ ร่วงลง 5.43% และ 4.53% ตามลำดับ