ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ แต่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นเติบโต (growth stocks) ขณะที่ยังคงเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,113.23 จุด เพิ่มขึ้น 238.38 จุด หรือ +0.70% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,192.66 จุด เพิ่มขึ้น 11.49 จุด หรือ +0.27% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,895.12 จุด ลดลง 67.56 จุด หรือ -0.48%
ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยบริษัทมากกว่าครึ่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาแล้ว ซึ่งมีผลกำไรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 46% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ 24% และราว 87% รายงานผลประกอบการต่อหุ้นสูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดไว้
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดช่วยหนุนตลาดด้วย โดยไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.5 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 59.1 ในเดือนมี.ค.
ดัชนี PMI ดีดตัวขึ้นในเดือนเม.ย.แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ค. 2550 และดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ
หุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อาทิ หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุ ปรับตัวขึ้นนำตลาด ขณะที่หุ้นเติบโต อาทิ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ปรับตัวลง
ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตัวใหญ่ๆ อาทิ แอมะซอน.คอม, อัลฟาเบท, เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง แม้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใสก็ตาม
หุ้นแก๊ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้า พุ่งขึ้น 7.16% และหุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 4.03% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 34 ล้านโดสในปีนี้ให้กับโครงการ COVAX ทั่วโลก
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. และจะรอดูการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทที-โมบาย, อูเบอร์ และไฟเซอร์ในสัปดาห์นี้