ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวลง หลังได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อได้ผลักดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,705.95 จุด ร่วงลง 812.39 จุด หรือ -2.75% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,982.21 จุด ลดลง 613.45 จุด หรือ -2.15%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหันไปซื้อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญในวันพุธนี้ โดยหากดัชนี CPI ของสหรัฐขยายตัวมากกว่าคาด ก็อาจทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าในเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% อย่างไรก็ดี ดัชนี CPI เดือนเม.ย.ของจีนขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะปรับตัวขึ้น 1%
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 4.4% ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 6.5% ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกของปีนี้
นอกจากนี้ รายงานสรุปการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประจำเดือนเม.ย.ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า กรรมการ BOJ เล็งเห็นความจำเป็นในการขยายระยะเวลาในการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน เพื่อช่วยให้ BOJ สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ขณะเดียวกันมีกรรมการอีกส่วนหนึ่งเห็นว่า BOJ ควรพิจารณาแนวทางที่ชัดเจนในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว