ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) และเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งดิ่งลงอย่างรวดเร็วจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,947.99 จุด ร่วงลง 175.69 จุด หรือ -2.47%
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงมากกว่า 2% โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร, ประกันชีวิต และเหมืองแร่ นำตลาดร่วงลง
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ดิ่งลง 4.0% โดยหุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ร่วงลงมากที่สุด หลังเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 800 ล้านยูโร (971.52 ล้านดอลลาร์)
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ และจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มการรับมือกับความเสี่ยงที่ลดลงในประเทศขนาดใหญ่หลังได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า บรรดานักลงทุนจะเกิดความวิตก เมื่อสหรัฐและจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกนั้นส่งสัญญาณเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนได้เทขายทำกำไรหุ้นลอนดอนด้วย หลังจากที่ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นราว 7.2% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และดำเนินนโยบายสบับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว