ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,628.73 จุด ร่วงลง 518.78 จุด หรือ -1.84% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,970.78 จุด ลดลง 260.26 จุด หรือ -0.92%
ตลาดภูมิภาคได้รับแรงกดดันหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%
นักลงทุนกังวลว่า ตัวเลข CPI ที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
ทางด้านตลาดหุ้นไต้หวันร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยล่าสุดดิ่งลง 3.4% ในช่วงเช้านี้ และตลอดทั้ง 3 วันได้ปรับตัวลงไปแล้วราว 11% โดยนอกเหนือจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่รัฐบาลไต้หวันประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่บริษัทโบรกเกอร์บังคับให้นักลงทุนขายหุ้นเพื่อใช้หนี้กู้ยืมในการซื้อหลักทรัพย์