ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) โดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ถ่วงตลาดลง และนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการคุมเข้มนโยบายการเงินที่เร็วกว่าคาด
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,963.33 จุด ลดลง 41.30 จุด หรือ -0.59%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมันนำตลาดปรับตัวลงมากที่สุด
หุ้นริโอ ทินโต, หุ้นแองโกล อเมริกัน, หุ้นบีเอชพี, หุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลง
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย เนื่องจากบรรดานักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นจากความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
หุ้นเบอเบอร์รีของอังกฤษ ร่วงลง 4.2% หลังรายงานยอดขายรายปีลดลง 10% จากผลกระทบของโรคโควิด-19 ระบาด
หุ้นบีที กรุ๊ป ร่วงลง 5.9% หลังเปิดเผยรายได้ลดลง 7% และผลประกอบการทั้งปีที่ปรับแล้ว ลดลง 6%