ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน แต่ตลาดปรับตัวลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนก.พ.ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,043.61 จุด เพิ่มขึ้น 80.28 จุด หรือ +1.15% แต่ร่วงลง 1.2% ในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อีกบางส่วนในสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด โดยหุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.70% และ 2.65% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเอชเอสบีซี บวก 0.35%
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นเซจ กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ พุ่งขึ้น 3.8% หลังรายงานรายได้ครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง และคาดว่าการขยายตัวทั้งปีจะแตะระดับสูงสุดของช่วง 3-5%
หุ้นดิอาจีโอ พุ่งขึ้น 1.5% หลังโบรกเกอร์หลายแห่งปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น