ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจชะลอตัวลงและความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่อังกฤษกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหลังจากถูกล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 442.29 จุด ลดลง 0.24 จุด หรือ -0.054%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,367.35 จุด ลดลง 17.79 จุด หรือ -0.28%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,396.62 จุด ลดลง 20.02 จุด หรือ -0.13% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,032.85 จุด ลดลง 10.76 จุด หรือ -0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังการเปิดเผยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีนที่ชะลอตัวลงในเดือนเม.ย.ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การออกมาตรการจำกัดครั้งใหม่ในเอเชียหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ และความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียนั้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเศรษฐกิจอังกฤษอีกครั้งหลังจากการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ร่วงลงมากที่สุด 2.3% ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมปรับตัวขึ้นมากที่สุด
หุ้นไรอันแอร์ของไอร์แลนด์ร่วงลง 2.8% หลังรายงานผลขาดทุนหลังหักภาษีรายปีที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้นอีซี่เจ็ตของอังกฤษ และหุ้นวิซซ์ แอร์ของฮังการี ปรับตัวลงด้วย
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 0.9% ขานรับข่าวที่ว่า สหภาพยุโรปได้ตกลงที่จะยุติข้อพิพาทบางส่วนกับเกี่ยวกับภาษีโลหะที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจะเริ่มการหารือกันเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่ล้นตลาดโลก รวมถึงนโยบายบิดเบือนการค้าของจีน
หุ้นซาโนฟีและหุ้นแกล็กโซ่สมิธไคลน์ พุ่งขึ้น 1% และ 0.7% ตามลำดับ หลังการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของสองบริษัทดังกล่าวแสดงผลการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการทดลองทางคลินิกขั้นต้น และทั้งสองบริษัทจะดำเนินการทดลองในขั้นต่อไป