ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของราคาบิตคอยน์ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,084.15 จุด เพิ่มขึ้น 188.11 จุด หรือ +0.55% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,159.12 จุด เพิ่มขึ้น 43.44 จุด หรือ +1.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,535.74 จุด เพิ่มขึ้น 236.00 จุด หรือ +1.77%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 34,000 ราย สู่ระดับ 444,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 452,000 ราย
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.87% โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.38% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.89% หุ้นอินเทล ดีดขึ้น 1.07% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.56% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.49%
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนฟื้นตัวขึ้น หลังราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นางเคธี วูด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Ark Investment Management ยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของสกุลเงินบิตคอยน์ และคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์จะทะยานขึ้นแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้น Coinbase พุ่งขึ้น 3.83% หุ้น Silvergate Capital พุ่งขึ้น 6.92% หุ้น Riot Blockchain บวก 0.17 หุ้น Marathon Digital เพิ่มขึ้น 0.83%
หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 5.05% หลังจากคณะทำงานของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นได้ให้การอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันคาดว่ากระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นจะให้การอนุมัติใช้อย่างเป็นทางการในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นมีวัคซีนที่ผ่านการอนุมัติรวม 3 รายการ หลังจากที่ได้อนุมัติวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ก่อนหน้านี้
หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวขึ้น 0.78% หลังมีรายงานว่า บริษัทไฟเซอร์และบิออนเทคได้บรรลุข้อตกลงกับคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 1.8 พันล้านโดส
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.24% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.34% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 0.71% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ปรับตัวลง 0.48%
หุ้นราล์ฟ ลอเรน ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของสหรัฐ ร่วงลง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายในปีงบการเงิน 2564 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ประกาศแผนการปิดร้านค้าเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 31.5 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 50.2 ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.