ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินของอังกฤษที่ปรับตัวขึ้นขานรับความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มการใช้จ่ายด้านการคลังที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ โดยปธน.โจ ไบเดนเตรียมที่จะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 448.98 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.57%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,484.11 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +0.75%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,519.98 จุด เพิ่มขึ้น 113.25 จุด หรือ +0.74% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,022.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด หรือ +0.04%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น 1% ในสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้น 0.4% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนตามทิศทางการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยูโรโซน
หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษนำตลาดปรับตัวขึ้น หลังผู้กำหนดนโยบายรายหนึ่งของ BoE บ่งชี้ว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
หุ้นกลุ่มบริการการเงินและกลุ่มประกันปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอชเอสบีซี เพิ่มขึ้น 1.08%, หุ้นพรูเดนเชียล เพิ่มขึ้น 1.30% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 0.24%
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่ GfK ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดของเยอรมนีเปิดเผยผลสำรวจในวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -7.0 จากระดับ -8.6 ในเดือนพ.ค.
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปในปีนี้ ขณะที่หลายประเทศผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโรคโควิด-19 และมีการรณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการปรับตัวขึ้นขานรับการเริ่มเปิดเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ
หุ้นแอร์บัสของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้นอีก 1.24% แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 15 เดือนหลังเปิดเผยแผนเพิ่มการผลิตเครื่องบินเกือบ 2 เท่า