ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตได้เพิ่มความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,080.46 จุด เพิ่มขึ้น 57.85 จุด หรือ +0.82%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น หลังไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่จำนวนมากช่วยผลักดันกิจกรรมการผลิตของอังกฤษพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค. ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 60.9 ของเดือนเม.ย. แม้จะต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 66.1 แต่ยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2535 โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว
หุ้นกลุ่มโลหะพื้นฐาน พุ่งขึ้น 3.7% โดยปรับตัวขึ้นตามราคาทองแดง และสินแร่เหล็ก
หุ้นน้ำมัน อาทิ บีพี และเชลล์ ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1.2% หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลขานรับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มบริษัทก่อสร้างบ้านปรับตัวขึ้น 2.1% หลังบริษัทเนชันไวด์เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้น 10.9% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 7 ปี และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปเนื่องจากประชาชนมีความต้องการซื้อบ้านใหม่มากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19