ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาด หลังมีรายงานว่าทางการจีนอาจปรับลดภาษีอากรสแตมป์ (stamp duty)
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,591.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.63 จุด หรือ +0.21%
ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น 0.8% หลังจากโฆษกคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้เสนอให้มีการปรับลดภาษีอาการแสตมป์อย่างเหมาะสม โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในไม่ช้านี้
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวลง 0.2% โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐ
รายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งห้ามบริษัทจีน 59 แห่งลงทุนในสหรัฐ ซึ่งเป็นการสานต่อมาตรการเดิมที่ริเริ่มในสมัยของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีการสั่งห้ามบริษัทจีนจำนวน 59 แห่งที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีนหรือในอุตสาหกรรมการเฝ้าระวัง ซึ่งรวมถึงบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี และบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน 3 แห่ง
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 00.01 น. ตามเวลานิวยอร์ก โดยนักลงทุนมีเวลา 1 ปีเพื่อถอนการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ
บริษัทหลายแห่งในคำสั่งแบนของปธน.ไบเดนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชุดเดียวกับที่มีคำสั่งแบนในสมัยของอดีตปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้แก่ บริษัทไชน่าโมบายล์, ไชน่ายูนิคอม และไชน่าเทเลคอม
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ภายใต้กองทัพจีน, ไชน่า นอร์ธ อินดัสทรีส์, ไชน่า เอโรสเปซ ซายน์ แอนด์ อินดัสทรี คอร์ปอเรชัน และไชน่า ชิปบิลดิ้ง อินดัสทรี โค
ขณะเดียวกัน บริษัทฮิควิชัน ดิจิทัล เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้พัฒนากล้องวงจรปิดและระบบจดจำใบหน้าชื่อดังของจีน ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในรายชื่อคำสั่งแบนของสหรัฐ โดยฮิควิชันได้ช่วยรัฐบาลจีนจัดทำโครงการ "เมืองปลอดภัย" ในซินเจียง ซึ่งกำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์