ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจคุมเข้มนโยบายการเงินในไม่ช้านี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,756.39 จุด เพิ่มขึ้น 179.35 จุด หรือ +0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,229.89 จุด เพิ่มขึ้น 37.04 จุด หรือ +0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,814.49 จุด เพิ่มขึ้น 199.98 จุด หรือ +1.47%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.6% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 1.92% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.15%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 559,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 671,000 ตำแหน่ง แต่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 278,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะลดลงสู่ระดับ 5.9% หลังจากแตะระดับ 6.1% ในเดือนเม.ย.
บรรดานักลงทุนวิตกว่า ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งซึ่งบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้น อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นำมาใช้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.559% ลดลงจากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.628%
ส่วนหุ้นกลุ่มการเงิน ปรับตัวขึ้น 0.2%
หุ้นแอปเปิล บวก 1.9% ก่อนการประชุมผู้พัฒนาทั่วโลก (WWDC) ในสัปดาห์หน้า
หุ้นไฟเซอร์ บวก 0.5% และหุ้นบิออนเทค พุ่ง 8.4% หลังจากสำนักงานควบคุมกฎระเบียบยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของอังกฤษ (MHRA) ให้การอนุมัติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทคสำหรับเด็กที่มีอายุ 12-15 ปี
ในสัปดาห์หน้า บรรดานักลงทุนจะจับตาดูว่า หุ้นของบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนนั้น จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกหรือไม่