ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป แม้มีสัญญาณเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 457.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.95 จุด หรือ +0.65%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,600.66 จุด เพิ่มขึ้น 54.17 จุด หรือ +0.83%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,693.27 จุด เพิ่มขึ้น 122.05 จุด หรือ +0.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,134.06 จุด เพิ่มขึ้น 45.88 จุด หรือ +0.65%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน และปิดปรับตัวขึ้น 1.1% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น 1.9% หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลผลผลิตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นรายปีสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 27.6% ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Melia ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมของสเปน ปรับตัวขึ้น 2% หลังซีอีโอคาดว่า บริษัทจะกลับมามีความสามารถในการทำกำไรได้ในเดือนมิ.ย.นี้ หลังจากติดลบ 15 เดือน
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์, อุตสาหกรรม และธนาคาร
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยูโรโซนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ยืนยันที่จะยังคงดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนที่ว่า ECB จะยกเลิกนโยบายสนับสนุนเร็วขึ้น