ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) และปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงมากที่สุด หลังจากอังกฤษเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกลดลงเกินคาดในเดือนพ.ค.
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,017.47 จุด ลดลง 135.96 จุด หรือ -1.90% และปรับตัวลง 1.7% ในรอบสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันร่วงลงมากที่สุด 2.7% และ 2.5% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะพื้นฐานและโลหะมีค่า ร่วงลง 2.4% และ 0.2% ตามลำดับ ตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง โดยเฉพาะทองแดงร่วงลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ ร่วงลง 2.7% และ 3.1% ตามลำดับ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบลดลง
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนถูกกดดันจากการที่อังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกร่วงลงเกินคาด 1.4% ในเดือนพ.ค.
หุ้นเทสโก้ ร่วงลง 4.1% หลังรายงานการขยายตัวของยอดขายในอังกฤษชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 1/2564
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์เปิดเผยในวันศุกร์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า