ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มเดินทางนำตลาดร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับการสั่งแบนนักท่องเที่ยวอังกฤษ ขณะที่ยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ และฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงมากกว่า 2%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.94 จุด ลดลง 2.69 จุด หรือ -0.59%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,558.02 จุด ลดลง 64.85 จุด หรือ -0.98%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,554.18 จุด ลดลง 53.79 จุด หรือ -0.34% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,072.97 จุด ลดลง 63.10 จุด หรือ -0.88%
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการร่วงลง 4.4% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังหนังสือพิมพ์เดอะไทม์สรายงานว่า เยอรมนีกำลังพิจารณาสั่งแบนผู้เดินทางชาวอังกฤษไปยังสหภาพยุโรป โดยไม่คำนึงว่าฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
ฮ่องกงประกาศแบนผู้โดยสารทั้งหมดที่เดินทางจากอังกฤษโดยจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้ เนื่องจากความวิตกดังกล่าวด้วยเช่นกัน
หุ้นกลุ่มสายการบิน อาทิ IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์, อีซีเจ็ต, วิซ แอร์ และไรอันแอร์ ร่วงลงราว 4-6%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2% ตามราคาน้ำมันดิบ หลังจากยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ตลาดน้ำมันดิบยังได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ก่อนการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในสัปดาห์นี้ว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจจะเพิ่มการผลิตน้ำมัน
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจในสัปดาห์นี้ไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. และข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจจากยูโรโซน
หุ้นเบอเบอร์รีของอังกฤษ ร่วงลง 8.7% หลังนายมาร์โก ก็อบเบตติ ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ