ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,791.20 จุด ลดลง 256.82 จุด หรือ -0.88% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 29,043.02 จุด ลดลง 225.28 จุด หรือ -0.77%
นักลงทุนวิตกกังวลสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศของภูมิภาค เนื่องจากเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลมาเลเซียประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ทั่วประเทศโดยไม่มีกำหนด จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มลดลง ส่วนที่ออสเตรเลียนั้น ซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของออสเตรเลีย ได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขของออสเตรเลียยังคงไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงอินเดีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียลงจาก 11% เหลือ 9.5% โดยระบุว่า อินเดียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ลงจาก 7.9% เหลือ 6% และมาเลเซียลงจาก 6.2% เหลือ 4.1%
นักเศรษฐศาสตร์ของ S&P ระบุในรายงานว่า ปัจจัยเสี่ยงสูงสุดที่ระบบเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ (EM) ต้องเผชิญในขณะนี้คือแผนระดมฉีดวัคซีนที่เป็นไปอย่างล่าช้ากว่าที่คาด พร้อมกับเสริมว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะบรรเทาความรุนแรงลงก็ต่อเมื่อสามารถระดมฉีดวัคซีนจนถึงระดับเดียวกับการมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว
ขณะนี้ในบรรดาประเทศตลาดเกิดใหม่ของภูมิภาคเอเชียนั้น มีการระดมฉีดวัคซีนเพียง 0.2 โดสต่อ 100 คนต่อวัน ซึ่ง S&P คาดว่า หากอัตราการฉีดวัคซีนยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป จะต้องใช้เวลาอีก 23 เดือนจนกว่า 70% ของประชากรในประเทศเหล่านี้จะได้รับวัคซีนครบโดส