ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลงหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลดลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,577.37 จุด ลดลง 208.98 จุด หรือ -0.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,343.54 จุด ลดลง 8.80 จุด หรือ -0.20% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,663.64 จุด เพิ่มขึ้น 24.32 จุด หรือ + 0.17%
นักวิเคราะห์จากบริษัทอลัน บี.แลนซ์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทำสถิติแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.0%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.7% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.9% นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2564 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 12.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 14.4% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 12.5%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 3.2% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงถึง 2.4% อันเนื่องมาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปกพลัส โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทรุดตัวลง 6.52% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.79% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.92% หุ้นอ็อกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 6.27% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 3.94%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.6% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ปีนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.62% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.68% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 1.11% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.95%
หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.06% หลังกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลแถลงว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิดลดลงเหลือ 64% ในการใช้งานจริง เมื่อเทียบกับอัตราประสิทธิภาพที่ 95% ในการทดลองทางคลินิกเมื่อปี 2563 ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในอิสราเอล โดยรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้อยู่ที่ 501 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค. และ 42% ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้นตีตี โกลบอล อิงค์ (Didi Global Inc) ซึ่งเป็นผู้บริหารแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) ร่วงลง 19.52% หลังจากสำนักบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) ดำเนินการตรวจสอบตีตี โกลบอล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) ซึ่งเกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากที่หุ้นตีตี โกลบอลเปิดทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้นสหรัฐ และต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค. CAC มีคำสั่งให้ถอดแอปพลิเคชันตีตีชูสิงออกจากแพลตฟอร์มแอปสโตร์ของจีน โดยอ้างว่า ตีตีชูสิงทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายของจีน
นอกเหนือจากหุ้นตีตี โกลบอลแล้ว หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ร่วงลง 2.83% หุ้น Bilibili ดิ่งลง 9.13% และหุ้น Pinduoduo ร่วงลง 5.12%
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 60.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 64.0 ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 63.5
ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนีภาคบริการสหรัฐได้รับผลกระทบจากการจ้างงานที่หดตัว โดยดัชนีการจ้างงานในภาคบริการลดลงแตะ 49.3 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 55.3 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงแตะที่ 62.1 จากระดับ 63.9
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง รายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค.