ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) หลังบวกขึ้น 3 วันติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาและพากันเข้าซื้อพันธบัตรท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 455.98 จุด ลดลง 2.38 จุด หรือ -0.52%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,507.48 จุด ลดลง 60.06 จุด หรือ -0.91%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,511.38 จุด ลดลง 150.59 จุด หรือ -0.96% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,100.88 จุด ลดลง 64.03 จุด หรือ -0.89%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังนักลงทุนขายหุ้นเพื่อซื้อพันธบัตร ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วยูโรโซนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบอย่างน้อย 3 สัปดาห์
ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีลดลงมากเกินคาดในเดือนก.ค. แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง และจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าของเยอรมนีร่วงลงรุนแรงที่สุดในเดือนพ.ค.นับตั้งแต่การล็อกดาวน์ครั้งแรกในปี 2563 โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอจากประเทศนอกยูโรโซน
หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ร่วงลงมากที่สุด 2.9% โดยความวิตกเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานถ่วงหุ้นกลุ่มนี้ลดลงนับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดของปี 2558 เมื่อต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ร่วง 1.8% เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง หลังความขัดแย้งของกลุ่มโอเปกพลัสดันราคาขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดยหุ้นบีพี, หุ้นเชลล์ และหุ้นโททาล ร่วง 2-4%
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า เฟดจะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่หรือไม่