ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาแข็งแกร่ง โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกนและโกลด์แมน แซคส์ จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,996.18 จุด เพิ่มขึ้น 126.02 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.08 จุด หรือ +0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,733.24 จุด เพิ่มขึ้น 31.32 จุด หรือ +0.21%
นักวิเคราะห์จากบริษัทเครสเซท เวลธ์ แอดไวเซอร์สกล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาแข็งแกร่ง และสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากคือการเปิดเผยตัวเลขแนวโน้มผลประกอบการและแผนการดำเนินธุรกิจในวันข้างหน้าของบริษัทจดทะเบียน
ทางด้านโพลสำรวจของ Refinitiv ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทในดัชนี S&P500 จะมีกำไรในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 66% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 0.96% โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.67% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.35% หุ้นเจพีมอร์แกน ปรับตัวขึ้น 1.42% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 1.47% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก บวก 0.57%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีการสื่อสารปรับตัวขึ้น 0.9% โดยหุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นอัลฟาเบท ดีดขึ้น 1.16% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.78% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.25%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ทะยานขึ้น 4.16% หลังจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ "Black Widow" กวาดรายได้สูงถึง 80 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์แรก นอกจากนี้ วอลท์ ดิสนีย์ ยังมีแผนที่จะปรับขึ้นราคาค่าบริการสตรีมมิ่ง ESPN Plus ด้วย
หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 2.8% หลังโมเดอร์นาเปิดเผยว่า ทางบริษัทจะจัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 20 ล้านโดสให้กับอาร์เจนตินา
หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.22% หลังสื่อรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ไมโครซอฟท์ทำข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท RiskIQ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย โดยการทำธุรกรรมครั้งนี้ ไมโครซอฟท์จะจ่ายด้วยเงินสดมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์
หุ้นเวอร์จิน กาแล็กติก (Virgin Galactic) ร่วงลง 17.3% หลังบริษัทแถลงว่าอาจจะขายหุ้นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากบริษัทประสบความสำเร็จในการนำอากาศยานท่องอวกาศ พร้อมกับเซอร์ริชาร์ด แบรนสัน อภิมหาเศรษฐี ผู้ก่อตั้งบริษัท
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเจพีมอร์แกน, โกลด์แมน แซคส์ และเป๊ปซี่โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันอังคารที่ 13 ก.ค. ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก, เดลต้า แอร์ไลน์ และแบล็คร็อค เปิดเผยผลประกอบการในวันพุธที่ 14 ก.ค. ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ และยูไนเต็ดเฮลธ์ เปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ค.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยนายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 14 ก.ค. และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 15 ก.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน