ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2 ซึ่งเขายังคงเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,987.02 จุด เพิ่มขึ้น 53.79 จุด หรือ + 0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,360.03 จุด ลดลง 14.27 จุด หรือ -0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,543.13 จุด ลดลง 101.82 จุด หรือ -0.70%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากนายพาวเวลได้กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะใช้นโยบายการเงินในการสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐ จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันนายพาวเวลยังมองว่า เงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว จากการที่รัฐต่างๆทำการเปิดเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 360,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 โดยลดลงจากระดับ 386,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1.29% โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น บวก 0.5% หุ้นเฟิร์สท์ เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.01% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.31% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ปรับตัวขึ้น 1.22%
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ขยับขึ้น 0.18% หลังธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.85 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) พุ่งขึ้น 3.58% หลังจากแบล็คสโตน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศซื้อหุ้น 9.9% ในบริษัท AIG คิดเป็นมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแบล็คสโตนพุ่งขึ้น 3.92%
อย่างไรก็ดี แม้ดาวโจนส์ปิดในแดนบวก แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น Nvidia ดิ่งลง 4.41% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 2% หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.26% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.96% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.45% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.52%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.01% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.97% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.66% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.54%
หุ้น GameStop ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ปรับตัวลง 0.48% หลังจากเน็ตฟลิกซ์ประกาศแผนเปิดให้บริการวิดีโอเกมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงของเน็ตฟลิกซ์ภายในปีหน้า
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 1.2% หลังบริษัทประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์สเปรย์กันแดดจำนวน 5 รายการ เนื่องจากผลการตรวจสอบตัวอย่างสินค้าพบว่ามีน้ำมันเบนซินเจือปนในระดับต่ำ ซึ่งข้อมูลที่เผยแพร่โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุว่า น้ำมันเบนซินเป็นสารก่อมะเร็งหากมีการสัมผัสบ่อยครั้ง และยังสามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของ่างกาย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน