ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโคคา-โคล่า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 9 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,798.00 จุด เพิ่มขึ้น 286.01 จุด หรือ +0.83% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.69 จุด เพิ่มขึ้น 35.63 จุด หรือ +0.82% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,631.95 จุด เพิ่มขึ้น 133.08 จุด หรือ +0.92%
นักวิเคราะห์จากบริษัท Oanda Corporation ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนยังคงเข้ามาช้อนซื้อหุ้นหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 700 จุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.2563 นอกจากนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยังช่วยให้นักลงทุนเริ่มมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.53% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 4.69% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.43% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.22% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 3.49%
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญซึ่งเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจยังคงได้รับแรงช้อนซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.09% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.84% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.31% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทะยานขึ้น 9.44% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 5.35%
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 1.30% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.64% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 2.04% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 2.1%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวขึ้น 0.5% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.48 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.27 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากการจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 สูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
หุ้นโคคา-โคล่า พุ่งขึ้น 1.33% หลังบริษัทเปิดผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 56 เซนต์/หุ้น
อย่างไรก็ดี หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 7.19% โดยแม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์รายได้จากการดำเนินงานในปีนี้ เนื่องจากผลกระทบจากภาษีนำเข้าซึ่งถูกเรียกเก็บจากสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฮาร์เลย์-เดวิดสัน หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.28% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.97 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.16 ดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า จำนวนผู้ใช้บริการเน็ตฟลิกซ์ในไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 3.5 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยบริษัทราว 85% ในดัชนี S&P 500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว ต่างก็มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศจากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสอง และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจากมาร์กิต