ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยนักลงทุนได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการยืนยันจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะยังคงสนับสนุนด้านการเงินต่อไปนั้นได้ช่วยบดบังปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 461.51 จุด เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ +1.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,568.82 จุด เพิ่มขึ้น 87.23 จุด หรือ +1.35%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,669.29 จุด เพิ่มขึ้น 154.75 จุด หรือ +1.00% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,027.58 จุด เพิ่มขึ้น 59.28 จุด หรือ +0.85%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และบวกขึ้น 1.5% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทจดทะเบียนในยุโรปทยอยเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และ ECB ยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไป
หุ้นกลุ่มรถยนต์นำตลาดพุ่งขึ้น 2.5% โดยหุ้นเดมเลอร์ พุ่ง 5.5% หลังบริษัท Kepler Cheuvreux ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้นเดมเลอร์เป็น "ซื้อ" โดยระบุว่าการเติบโตของบริษัทยังไม่ได้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้นอย่างเหมาะสม
หุ้นวาเลโอ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 6% หลังเปิดเผยยอดขายและผลกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก
จุดสนใจของตลาดในสัปดาห์หน้าจะอยู่ที่การประชุมนโยบายการเงิน 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ ซึ่งท่าทีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินนั้นได้ช่วยให้ตลาดยังคงมีทิศทางขาขึ้น