ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น หลังร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของปีเมื่อวานนี้จากข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนพิจารณาใช้นโยบายใหม่เพื่อควบคุมสถาบันกวดวิชา ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธที่ 28 ก.ค.นี้ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,932.08 จุด เพิ่มขึ้น 98.79 จุด หรือ +0.35% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 25,922.83 จุด ลดลง 269.49 จุด หรือ -1.03%
นักวิเคราะห์จากบริษัทอินเวอร์เนส คอนเซล ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยคาดว่า ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์และแอปเปิล จะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มวัฏจักรหรือกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อดูว่าบริษัทกลุ่มนี้จะฟื้นตัวมากน้อยเพียงใด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของภูมิภาคซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงเช้า ได้แก่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 ขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 5.9% ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 10 ปี
แถลงการณ์ของ BOK ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลข GDP ขยายตัวได้ดีในไตรมาส 2 นั้น มาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตัวเลข GDP ยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชน
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนในเดือนมิ.ย. ชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาวัตถุดิบได้ส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจเผชิญกับความอ่อนแอในบางด้าน
ทั้งนี้ กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 20% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 7.918 แสนล้านหยวน (1.2227 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ค.ที่มีการขยายตัวแข็งแกร่งถึง 36.4% ส่วนในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนมีการขยายตัว 66.9% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 4.2 ล้านล้านหยวน