ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดยังคงอยู่ห่างไกลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,930.93 จุด ลดลง 127.59 จุด หรือ -0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,400.64 จุด ลดลง 0.82 จุด หรือ -0.02% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,762.58 จุด เพิ่มขึ้น 102.01 จุด หรือ +0.70%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
ทั้งนี้ เฟดยอมรับว่า แม้เศรษฐกิจมีความคืบหน้าไปยังเป้าหมายที่จะทำให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE โดยการจ้างงานมีความแข็งแกร่งขึ้น แต่เฟดก็ยังคงต้องการเวลามากขึ้นในการประเมินความคืบหน้าดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อๆไป นอกจากนี้ เฟดเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา
นักวิเคราะห์จากบริษัทอลัน บี แลนซ์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์กล่าวว่า ตลาดได้ปัจจัยบวกจากการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเอฟเอชเอ็น ไฟแนนเชียลแสดงความเห็นว่า ผลการประชุมเฟดครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่คาดว่านักลงทุนอาจรอดูสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 0.87% โดยหุ้นพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ร่วงลง 1.48% หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวลง 0.92% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ร่วงลง 1% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ลดลง 0.9%
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.22% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.01 ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี แอปเปิลเตือนว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 อาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.18% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก หลังจากอัลฟาเบทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 27.26 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 19.34 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่รายได้รวมจากการโฆษณาของกูเกิล เพิ่มขึ้น 69% เมื่อเทียบรายปี แตะ 5.044 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 4.17% หลังบริษัทสามารถทำกำไรเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยได้อานิสงส์จากการส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ทั้งนี้ โบอิ้งมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 40 เซนต์ และมีรายได้ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.654 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.07 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.97 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ยอดขายวัคซีนในปี 2564 สู่ระดับ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.18% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.67% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.58% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.69%
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัว 8.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2526 และพุ่งขึ้นจากระดับ 6.4% ในไตรมาส 1
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน